วันพฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เทพ12นักษัตร

เทพเจ้าเเห่งราศีต่างๆ



Sagitarius (ราศีธนู)

        กลุ่มดาวคนยิงธนูครับ ชาวกรีกโบราณมีความ เชื่อว่ามีจังหวัดหนึ่งของกรีกชื่อ เทสซาโลนิกา (Thessaionica) มีประชากรเป็น   คนครึ่งม้า โดย ครึ่งบนเป็นคนครึ่งล่างเป็นม้า คนครึ่งม้าตะผมล ไครรอน (Chirons) มีความเฉลียวฉลาดใช้ธนูเก่งมาก จึงมีหน้าที่สอนวีรบุรุษ เช่น เฮอร์คิวลิส ดังนั้น คนยิงธนูจึงได้ชื่อว่าเป็นนักรบผู้แม่นธนู


 
 

Scorpius (ราศีพิจิก)


      อ่านว่า สกอร์ปีไอ เป็นภาษาลาติน แปลว่าแมงป่องเหมือนกัน และก็แมงป่องใน 12 ราศี แมงป่องตัวนี้เป็นแมงป่องยักษ์ที่ทวดจีอาสั่งให้ไป ฆ่านายพรานโอไรออน เพราะโกรธที่โอไรออนพูดว่าเขาสามารถฆ่าสัตว์ป่า ซึ่งเปรียบเสมือนลูกหลาน ของนางได้หมดทั้งโลก
  



  Capricon (ราศีมังกร)

        ราศีมังกร ชาวกรีกโบราณหรือชนชาติแถบ ยุโรปมีความเชื่อว่า มังกรเป็นสัตว์ในเทพนิยาย ซึ่งเดิมมีรูปร่างเป็นแพะ แต่ต่อมาได้กลายร่างโดยมีส่วนบนเป็นแพะ หาง เป็นปลา จึงมี ชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า แพะทะเล ในเทพนิยายกรีกมีเรื่องเกี่ยวกับราศีนี้ก็คือ เทพบดีซูส มอบหน้าที่ให้แกนิมีด ผู้ถือแก้วน้ำของเหล่าเทพเจ้าเป็นผู้ส่งน้ำไปยังโลก โดยเอียง แก้วให้น้ำไหลอย่างไม่ขาดสาย กลายเป็นแม่น้ำหลายสายบนโลก รวมทั้งแม่น้ำไนล์ ซึ่งเป็นสถานที่รื่นรมย์ของเทพเจ้าแพนผู้มีร่างเป็นแพะและชอบเป่าขลุ่ย วันหนึ่งงู ยักษ์ไทฟอนจะเข้ามาทำร้าย เทพเจ้าแพน เขาจึงกระโดดหนีลงน้ำ แต่ว่ายน้ำไม่เร็วเพราะกีบแพะเล็กนิดเดียว ดังนั้นไท้เทพซูสจึงช่วย แปลงร่างของเทพแพนให้เป็นหางปลา และเรียกสัตว์ชนิดใหม่นี้ว่า แพะทะเล หรือ มังกร


m119472

Aquarius (ราศีกุมภ์)

        ราศีกุมภ์ ไม่ค่อยมีความสำคัญ อะไรเท่าไหร่ในจักรราศี มีตำนานกรีกกล่าวไว้นิดเดียวครับว่า หลังจากแม่น้ำไนล์ได้เกิดขึ้น เนื่องจากแกนิมิดส่งน้ำมายังโลกแล้ว มีชายคนหนึ่งที่ลงมาจากสวรรค์ เขาคือ คนแบกหม้อน้ำ ผู้นำหม้อเปล่ามา ตักน้ำจากแม่น้ำไนล์แห่งนี้


ราศี

Pisces (ราศีมีน)

         ราศีมีน นิทานกรีกกล่าวว่าปลาทั้งสอง ในกลุ่มดาวปลาเป็นร่างแปลงของ เทพธิดาอโฟรไดที่ (Aphrodite) และ บุตรชาย อิรอส (Eros) ซึ่งกระโดดลงไปในแม่น้ำยูเฟรตีส เพื่อหนี ภัยจากยักษ์ไทฟอน (Typhon) ผู้หายใจเข้าออกเป็นเปลวไฟ แต่นิทานโรมัน เล่าว่า เป็นฝูงปลาที่พาอโฟรไดที่และอิรอส ไปสู่ความปลอดภัย


ราศี

Aries (ราศีเมษ)

         ราศีเมษ ตามตำนานกรีกเล่าไว้ว่า เทพปริณายกซูส ส่งแกะขึ้นไปท้องฟ้าเพื่อช่วยพริกซัส (Phryxus) และ เฮอล์ (Helle)  ลูกของราชา แห่งเทสซาลี (Thessaly) ให้รอดพ้นจากทารุณกรรมของแม่เลี้ยงต่อมา พริกซัสได้นำแกะไปบูชายัญ และ เมื่อเขาแขวนขนแกะไว้ในป่าเล็ก ๆ อันศักดิ์สิทธิ์ ขนแกะได้ กลายเป็น ทองคำ กัปตันเจสันและลูกเรือได้แล่นเรืออาร์โกเพื่อค้นหา และได้พบขนแกะทองคำในที่สุด


ราศี


Taurus (ราศีพฤษ)


 ราศีพฤษ ดาวพฤษนี้มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า “ดาวตาวัว”ชื่อเฉพาะเป็นภาษาอาหรับว่า อัลดิบะแรน (Aldebaran) แปลว่าผู้ติดตาม นิยายกรีกได้กล่าวถึง ราศีพฤษนี้ว่า ในประเทศเฟนิเซีย โบราณมีสาวงามชื่อยู่โรปา ลูกสาวของอินาคัวยูโรปาชอบฝูงวัว เลี้ยงของพ่อมาก เทพปริณายกซูสได้หลง รักยูโรปา แต่รู้ว่าอินาคัส คงไม่ยอมแน่ จึงแปลงร่างเป็น

วัวสีขาวราวหิมะไปปะปนในฝูงวัว เมื่อยูโรปาเห็นวัวสีขาวที่ไม่ดุจึงเข้าไปลูบวัว และขึ้นไปขึ่บนหลัง วันต่อมาเมื่อยูโรปา ขึ้นขี่วัวอีก ซูสคิดจะพาเธอไปเกาะครีต (Grete) จึงวิ่งไปอย่างเร็วแต่ไปไม่พ้นเพราะน้ำลึก ด้วยเหตุนี้ เองกลุ่มดาววัว บนท้องฟ้า จึงเห็นเพียงหน้าวัวและโหนกวัวเท่านั้นเอง



ราศี
Gemini
หรือ ราศีเมถุน ประกอบด้วยดาวฤกษ์อย่างน้อย 8 ดวง เรียงเป็นรูปคนคู่หรือฝาแฝดชื่อว่า คาสเตอร์ และ พอลลักซ์ และตำนาน กรีกเล่าไว้ว่า คาสเตอร์และพอลลักซ์เป็นชื่อเทพเจ้ากรีก ทั้งคู่เป็นลูกฝาแฝดของเทพบดีซูส หรือเซอุส (Zeus) เมื่อ ฝาแฝดทั้งคู่โตขึ้น แต่ละคนมีพรสวรรค์คนละอย่าง พอลลักซ์เป็นนักชกมวยที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ส่วนดาสเตอร์
ฝึกฝนตนเอง เป็นผู้ปราบพยศม้าป่าที่มีความสามารถ เล่ากันว่าทั้งคู่มีรูปร่างหน้าตาท่าทางเหมือนกันมาก และเคยออกศึกสงครามร่วม กันหลายครั้ง เมื่อสิ้นชีวิตลง ซูสจึงส่งวิญญาณคนคู่นี้ขึ้นไปบนสวรรค์เป็นดาวที่เห็ นชัดเจนตลอดคืนหน้าหนาว อยู่ใกล้ เคียงกันประกอบเป็นกลุ่มดาวคนคู่ ทั้งชาวกรีกและชาวโรมันต่างนับถือบูชาดาวทั้งสองว่าเ ป็นเทพเจ้า ที่คอยคุ้มกันภัยอันตรายต่าง ๆ ทหารบกชาว โรมันหรือชาวกรีก ก่อน ออกรบมักจะสวดอ้อนวอนต่อคาสเตอร์และพอลลักซ์ ขอให้พวกตนชนะข้าศึก ทหารเรือก็สวด อ้อนวอนกลุ่มดาวคนคู่เหมือนกัน โดยหวัง ว่าหากเรืออับปางลงคนคู่จะช่วยให้รอดชีวิตได้ ทุกคนที่สวดมนต์ อ้อนวอนจะ ไม่ลืมจบคำอ้อนวอนด้วยคำว่า by Gemini ซึ่งต่อมาเพี้ยนเป็น by Jimmy
ราศี
ราศี
Leo
หรือ ราศีสิงห์ ตามตำนานกรีกกล่าวไว้ว่า ในสมัยก่อนชาวกรีกโบราณเคารพบูชาดวงจันทร์ซึ่งถือว่า เป็นเทพธิดาชื่อ เซลินี (Selene) นอกเหนือจาก เทพเจ้าที่มีความสำคัญมากกว่า เช่นเทพซูส และเทพอพอลโล ชาวกรีกต้องเซ่นไหว้เทพธิดาและเทพเจ้าเหล่า นี้เป็น ประจำทุกปี แต่บังเอิญมีอยู่ปีหนึ่งชาวเมืองเนเมีย (Nemea)ลืมเซ่นไหว้เทพธิดาเซลินี ทำให้เธอโกรธจัดถึงกับส่ง สิงโตจากฟ้าลง มารังควานชาวนาชาวไร่ในเมืองเนเมีย ถ้าเป็นสิงโตธรรมดาก็ไม่มี ปัญหาอะไร แต่มันเป็นสิงโตที่ดุร้าย หนังเหนียวฟันแทงไม่เข้า มันไล่กัดกิน!และมนุษย์ที่ขวางหน้า ผู้คนเดือดร้อนไปทั่ว ในขณะนั้นราชายูริสธีอัส (Eurystheus) มีผู้รับใช้ที่แข็งแกร่งมากคนหนึ่ง คือ เฮอร์คิวลิส (Hercules) ราชายูริสธีอัสจึงทรงพระ บัญชาให้เฮอร์คิวลิสไปฆ่าสิงโตดุร้ายนั้นเสียเฮอร์คิ วลิสเป็นผู้ชายร่างใหญ่ อดทนและแข็งแรงที่สุดในโลก เขามี อาวุธหลายอย่างเช่น ดาบ มีด ธนู แต่ที่ชอบ มากคือ กระบองยักษ์ที่ ทำด้วยไม้ เฮอร์คิวลิสเข้าต่อสู้พันตูกับสิงโตดุร้ายอย่างห้าวห าญ แต่ทว่าอาวุธ เช่น ธนูและดาบไม่สามารถทำอันตรายกับ ผิวหนังของสิงโตตัวนั้น ได้เลย แม้จะใช้กระบองยักษ์ฟาดลงบนหัวของสิงโต ก็ยังไม่สามารถ ทำอะไรมันได้เช่นกัน ในที่ สุดเฮอร์คิวลิสคิดได้ว่าคงไม่มีอาวุธอันใดที่จะใช้ฆ่ าสิงโตตัวนี้ได้ เขาจึงย่อตัวลงต่ำเข้ากอดรัดสิงโต ใส่ “เฮดล็อก” สิงโต ดิ้นไม่หลุดถูกรัดคอจนตาย หลังจากที่เฮอร์คิวลิสล้มสิงโตดุร้ายตัวนั้นได้ เฮอร์คิวลิสได้ถลกหนัง หัวและขาหน้าทั้งสองของสิงโตมาทำเป็น เครื่องแต่งตัว โดยห่ม หนังสวมหัวเป็นหมวกกันชน และผูกขาหน้าไว้เหนือหน้าอก เขาจึง ไม่เพียงมีเกราะคุ้มกันอาวุธ แต่ยังดูดุร้ายน่ากลัวกว่าเมื่อก่อน และถ้าถือกระบองไม้ยักษ์ด้วยแล้วเฮอร์คิวลิสก็เหมือน มนุษย์อยู่ในถ้ำ เทพธิดาเซลินีได้ส่งสิงโตกลับขึ้นไปอยู่บนฟ้าดังเดิม อยู่กลางฟ้าเป็น กลุ่มดาวจักรราศี โดยเซลินี (ดวงจันทร์) ผ่านทุก ๆ เดือน และสิงโตวิ่งหนีเฮอร์คิวลิสอยู่ตลอดเวลา โดยสิงโตจะอยู่สูงสุดบนฟ้า ในขณะ ที่เฮอร์คิวลิสขึ้นทางทิศ ตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อเฮอร์คิวลิสขึ้นไปสูงสุดสิงโตจะลับขอบฟ้าทางทิศ ตะวันตก เฮอร์คิวลิสจึงไม่มีทางไล่สิงโตทัน
ราศี
Virgo
หรือ ราศีกันย์ ตามตำนานกรีกกล่าวไว้ว่า หญิงสาว พรหมจารีคือ เทพธิดาแอสเตรีย ซึ่งเป็นธิดาของซูสเทพบดีและเทมิส เธอลงมาจากศวรรค์พร้อมน้องสาวชื่อว่า พูดิซิเตรีย ทั้งคู่ถือ พรหมจรรย์ ไม่รับประทานเนื้อสัตว์ แอสเตรียเป็นเทพธิดาแห่งความยุติธรรม ไม่เคยทำให้ผู้ใดหรือสัตว์โลกใด ๆ เลือดตกยางออก เธอปรารถนาที่จะให้โลกร่มเย็น ไม่เบียดเบียนกันและกัน แต่เหตุการณ์ กลับเป็นตรงกันข้าม มนุษย์รบราฆ่าฟันกัน ขโมยข้าวของกันและกัน คนจนถูกกดขี่ข่มเหง เธอทนไม่ได้จึงหนีเข้าไปอยู่ในป่าเขา มีผู้คน จำนวนหนึ่งติดตามเธอไป ส่วนเทพธิดาผู้ เป็นน้องสาวทนไม่ไหวจึง ขึ้นไปอยู่บนสวรรค์ แอสเตรียเชื่อว่าความยุติธรรมจะยังคงมีอยู่ในโลก แต่ในที่สุดเธอก็จำเป็นต้องหนีไปอยู่ บนสวรรค์ เมื่อมีอาชญากรรมเพิ่มขึ้น ความยุติธรรมหายไปจากโลกเหลือแต่ความผิด หวัง ต่าง ๆ แอสเตรียขึ้นไปอยู่บนฟ้าในฐานะ หญิงพรหมจารี ซึ่งเธอ จะปรากฏให้เห็นเฉพาะคนที่รักและใฝ่หาสันติภาพกับความ ยุติธรรม เท่านั้น เพื่อเป็นเครื่องเตือนสติ เธอจึงบด รวงข้าวแล้วหว่านเมล็ดข้าว ไปรอบฟ้า กลายเป็นทางช้างเผือก ซึ่งมีแต่ความสวยงามร่มเย็น และสันติสุข
ราศี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น